
เสน่ห์วัฒนธรรมชา
ได้เวลาทัวร์ไร่ชาเมืองไทย
ช่วงนี้กระแสชากำลังบูมทั่วโลก แถมชาจากประเทศไทยยังคว้ารางวัลระดับนานาชาติมาหลายเวที แบบนี้ถึงเวลาออกสำรวจไร่ชาและร้านชาสุดชิคทั่วเมืองไทยกันแล้ว
ภาคเหนือของไทยโดดเด่นด้วยเทือกเขาที่ทอดตัวยาวจากเหนือจรดใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขาหิมาลัย ที่นี่คือสวรรค์ของต้นชา ด้วยระดับความสูงประมาณ 1,000-2,000 เมตร อุณหภูมิที่เย็นสบายระหว่าง 15-25 องศาเซลเซียส ฝนตกชุกปีละ 1,500-3,000 มิลลิเมตร ดินเป็นกรดเล็กน้อยและมีการระบายน้ำดีแถมยังมีความชื้นสูง เป็นเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบสำหรับการปลูกชา นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า Camellia sinensis ที่เป็นพืชต้นกำเนิดของชาทุกสายพันธุ์เกิดขึ้นบริเวณพรมแดนระหว่างมณฑลยูนนานของจีนกับเมียนมาในปัจจุบัน ซึ่งไม่ไกลจากไทยเลย
ทุกวันนี้ ไร่ชาทั่วไทยเริ่มพัฒนาสายพันธุ์และรูปแบบการผลิตให้ทันกับกระแสนิยมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หลงใหลในกลิ่นหอมและรสชาติลุ่มลึกของชา



อัปเดตเทรนด์ชา
ชา ซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับสองของโลก (รองจากน้ำเปล่า) ได้กลายเป็นหัวข้อโปรดของใครหลายคน และในประเทศไทยก็เริ่มมีคนรักชาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เทรนด์การดื่มชาเริ่มเปลี่ยนไป ผู้คนหันมานิยมชาเต็มใบ คุณภาพพรีเมียมมากกว่าชาซองแบบเดิม เพราะให้ทั้งรสชาติที่ลุ่มลึกและประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า ใครที่ยังติดชาซองอาจต้องรีบปรับตัว เพราะกระแสชาแบบใบมาแรงจนหยุดไม่อยู่
ถึงแม้คนไทยจะเริ่มหันมาดื่มชาเพื่อสุขภาพ แต่ชาที่ขายดีที่สุดกลับเป็น “ชาเย็น” สีส้มสดใสที่ทำจากชาดำ ผสมสีผสมอาหาร นมข้นหวาน และบางสูตรก็มีวานิลลากับโป๊ยกั๊กเพิ่มความหอม ชาเย็นหาได้ง่ายตามร้านอาหาร ตลาด หรือแผงขายอาหารริมทางทั่วประเทศ ส่วนประเพณีจิบน้ำชาตอนบ่ายแบบผู้ดีอังกฤษ แม้จะไม่ใช่เทรนด์ใหม่ แต่ก็ยังฮิตอยู่ในโรงแรมหรูและคาเฟ่ ใครได้ลองก็เหมือนกลายเป็นกูรูชาในทันที
กระแสชาไม่ได้หยุดอยู่แค่ในถ้วย เพราะร้านชาพิเศษต่างๆ เริ่มผุดขึ้นทั่วไทยโดยเน้นขายชาท้องถิ่นที่มีกลิ่นและรสเฉพาะตัว ชายังนำมาใช้ในอาหารมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสลัดใบชา เค้กชา ไอศกรีมชา หรือใช้รมควันเนื้อสัตว์ใส่ในค็อกเทล หรือเป็นส่วนผสมในเบเกอรี่ ใครไปร้านชาท้องถิ่นตอนนี้ อาจได้เจอแพนเค้กมัทฉะหรือมัฟฟินเอิร์ลเกรย์บนเมนูก็เป็นได้
ขณะเดียวกัน เกษตรกรผู้ปลูกชาก็เริ่มตื่นตัวมากขึ้น หลายรายหันหลังให้กับสารเคมี หันมาทำเกษตรอินทรีย์และเน้นความยั่งยืนของไร่ชา ถอยจากการทำไร่เชิงเดี่ยวแบบเดิมแล้วก้าวสู่การเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ไร่ชาอรักษและ Monsoon คือสองตัวอย่างของแนวคิดนี้



เยือนไร่ชา
ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางเหนือประมาณหนึ่งชั่วโมง มีไร่ชาสุดร่มรื่นชื่อว่า ไร่ชาอรักษ ที่รอให้คุณไปเปิดประสบการณ์เรียนรู้วัฒนธรรมชาอย่างแท้จริง บนพื้นที่กว่าร้อยไร้ที่เต็มไปด้วยเนินเขาเขียวชอุ่ม ไร่ชาแห่งนี้ผลิตชาออร์แกนิกหลากหลายสายพันธุ์และได้รับรางวัลระดับนานาชาติ อาทิ International Tea Academy Award และ The Leafies ปี 2565
ที่นี่เป็นไร่ชาเพียงแห่งเดียวในภาคเหนือที่เปิดทัวร์ไร่ชาแบบครบวงจร นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิธีเก็บใบชาอย่างถูกวิธี ชมกระบวนการอบและม้วนใบชาแล้วจิบชารสเลิศสูตรเฉพาะของไร่ บริเวณร้านอาหารมีมื้อกลางวันแสนอร่อยไว้บริการ ทั้งยังมีเวิร์กช็อปทั้งการชิมชา เบลนด์ชา วิเคราะห์กลิ่นและจับคู่ชากับอาหาร โดยคุณราชู ชามาสเตอร์ประจำไร่ที่ส่งตรงจากเมืองดาร์จีลิง ประเทศอินเดีย
ไร่ชาอรักษแตกต่างจากไร่ชาทั่วไปที่มักโค่นต้นไม้เพื่อปลูกชา โดยที่นี่ยังคงรักษาพันธุ์ไม้พื้นถิ่นและต้นไม้ให้ร่มเงาไว้ช่วยเก็บความชื้นให้พุ่มชาเพราะระดับความสูงของไร่ที่ 520 เมตรนั้นต่ำกว่าที่เหมาะสมเล็กน้อย จึงต้องการระบบนิเวศธรรมชาติที่ช่วยให้ไร่ยังคงสมดุล
การเดินทางสู่ไร่ชาวังพุดตานบนดอยแม่สลองอาจชันและคดเคี้ยว แต่สองข้างทางมีรูปปั้นสิงโตขนาดยักษ์และกาน้ำชาขนาดมโหฬารคอยต้อนรับ เมื่อถึงไร่จะพบกับคาเฟ่และร้านค้าบนแนวเขาที่มองลงไปเห็นไร่ชาเขียวขจีแบบพาโนรามา ไร่ชาแห่งนี้คืออีกหนึ่งดาวเด่นแห่งดอยแม่สลอง โดยเฉพาะชาอู่หลงที่คว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที ตัวไฮไลต์คือ Garnet Oolong ที่คว้ารางวัล Grand Gold Prize จากเวที World Green Tea Contest ปี 2566 เป็นการยืนยันว่ากระทั่งเวทีโลกยังยอมรับในคุณภาพของชาไทย
ที่ไร่ชาวังพุดตาล นักท่องเที่ยวสามารถชิมชาอู่หลงสูตรต่างๆ ได้ฟรี และยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับชา รวมถึงชุดชงชาให้เลือกซื้อกลับบ้าน นอกจากนี้ วิวรอบๆ ไร่นั้นงดงามตระการตา มองเห็นทั้งเนินเขาเขียวขจี บ้านเรือนริมถนนสายหลักของแม่สลอง และพระธาตุดอยตุงที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาด้านบน หากหมอกลงไม่จัด จะสามารถชมวิวนี้ได้แบบเต็มตาจากบังกะโลใหม่ทั้ง 5 หลัง ในไร่ เหมาะสำหรับคนที่อยากตื่นขึ้นมาท่ามกลางไร่ชาและกลิ่นใบชาอ่อนๆ ในยามเช้า


ห่างจากไร่ชาวังพุดตานไปทางตะวันตกเพียงไม่กี่กิโลเมตรตามทางหลวงหมายเลข 1130 คือไร่ชา 101 หนึ่งในไร่ชาที่มีประวัติยาวนานที่สุดของไทย เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2538 บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ โดยเริ่มจากการนำต้นชาจากไต้หวันมาปลูก และเป็นผู้บุกเบิกระบบ “ไร่ชาแบบขั้นบันได” ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ แม้จะผลิตเพียงชาอู่หลงเพียงประเภทเดียว แต่คุณภาพคับแก้ว สายพันธุ์ยอดนิยมอย่างเบอร์ 12 และเบอร์ 17 คว้ารางวัลระดับโลกมาแล้ว ล่าสุด ไร่แห่งนี้ได้เปิดตัวชาอู่หลงมัทฉะซึ่งได้รับความนิยมสุดๆ จากกระแสความหลงใหลในมัทฉะญี่ปุ่นของคนไทยในช่วงนี้
หากจะพูดถึงไร่ชาที่ฮอตที่สุดในประเทศไทยแบบไม่มีข้อกังขา ชื่อของไร่ชาฉุยฟงในเชียงรายต้องขึ้นมาเป็นอันดับแรก ที่นี่คือแลนด์มาร์กยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลกันมา พร้อมหิ้วชาฉุยฟงถุงโตเป็นของฝากกลับบ้าน
คาเฟ่ของไร่นี้ตั้งอยู่กลางเนินเขาที่เต็มไปด้วยพุ่มชาสุดร่มรื่น พร้อมเมนูอาหารและขนมที่ไม่ธรรมดา เมนูแนะนำ ได้แก่ ใบชาทอดกรอบเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเผ็ดร้อน ขนมปังชาเขียว เค้กฟัดจ์ชาไทย ครัวซองต์เลเยอร์ชาเขียวสุดละมุน ทุกจานยังเสิร์ฟพร้อมใบชาสดที่ตัดจากยอดต้นชามาแต่งจานให้สวยและสดชื่น คาเฟ่ดีไซน์สุดล้ำแห่งนี้ยังคว้ารางวัลด้านสถาปัตยกรรมมาหลายเวที ด้วยพื้นที่เปิดโล่งแบบเล่นระดับ รองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นกลุ่มใหญ่สบายๆ นอกจากนี้ ร้านค้าของไร่ชายังมีของหลายอย่างให้ติดไม้ติดมือกลับไป แถมมีผลิตภัณฑ์ชาให้ได้ลองชิม อย่างชาอู่หลงคุณภาพระดับรางวัลอย่าง Jinxuan Oolong และ Ruanzhi Oolong ที่เคยชนะเวที World Tea Contest ที่ญี่ปุ่นในปี 2552



จิบชาพร้อมบรรยากาศ
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเราถึงเรียกร้านกาแฟว่า “คาเฟ่” หรือ “ร้านกาแฟ” แต่พอเป็นร้านชา กลับเรียกว่า “บ้านชา” (tea house) หรือ “ห้องจิบชา” (tea room) ไม่ว่าที่มาของชื่อจะแตกต่างกันอย่างไร ความจริงที่เรารู้แน่ๆ ก็คือ tea house เป็นสถานที่ที่ให้เราได้ดื่มชาแบบมีศิลปะในบรรยากาศเงียบสงบและน่าหลงใหล
วันนี้ฟ้าไทยจะพาคุณไปรู้จักร้านชาแสนละมุนในภาคเหนือของไทย ที่จะเปลี่ยนการดื่มชาให้กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ เริ่มจากบ้านชาระมิงค์ ที่เมื่อคนรักชาได้นั่งจิบชากลางสวนร่มรื่น จนลืมไปเลยว่าอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ บ้านไม้หลังเก่าแก่อายุเกือบร้อยปีและแมกไม้เขียวขจีรอบตัวช่วยกลบเสียงรถราและเมืองใหญ่ จนคุณได้สัมผัสกับความสงบแท้จริง บ้านชาระมิงค์ให้บริการอาหารเช้า อาหารกลางวัน และชุดน้ำชายามบ่าย พร้อมชาให้เลือกมากมาย เช่น ชาดำออร์แกนิกรสเข้มข้น หรือชาไวท์พีโอนีที่หอมละเมียดละไม บ้านชาระมิงค์มีไร่ชาของตัวเองบนเนินเขาใกล้เชียงดาว และเริ่มผลิตชามาตั้งแต่ช่วงปี 1940 เรียกได้ว่าเป็นชาแห่งประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
ร้านน้ำชา Monsoon ตั้งอยู่ริมน้ำในย่านวัดเกต จ.เชียงใหม่ มีชื่อเสียงจากการเสิร์ฟชามากกว่า 100 ชนิดที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและป่าไม้ พร้อมกับอาหารเหนือสูตรดั้งเดิมอย่างแกงฮังเล ภายในร้านมาพร้อมบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านด้วยชั้นหนังสือและแผนที่ติดผนังที่ให้กลิ่นอายการเดินทาง คุณสามารถเลือกจิบชา Forest Golden Tips หรือ Dhara Artisanal Green ไปพลางๆ หรือเลือกชาเบลนด์พิเศษอย่าง “Chiang Mai” หรือ “Bangkok” กลับไปเป็นของฝาก ร้านยังมีสาขาที่ One Nimman และในกรุงเทพฯ แถมยังมีบริการจัดเวิร์กช็อปชิมชาและเรียนรู้การชงชาแบบครบเครื่อง
ชื่อของร้าน “สวรรค์บนดิน” บ่งบอกทุกอย่าง โดยเฉพาะสำหรับคนรักชาที่มาที่นี่เป็นครั้งแรก ร้านชาที่สว่างและอบอุ่นแห่งนี้ตั้งอยู่ในซอกซอยเงียบสงบของเชียงราย รายล้อมด้วยสวนเขียวชอุ่ม ให้ความรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งความสงบ ชาโดดเด่นของที่นี่ได้แก่ Single Origin Mae Ai First Flush Black Tea ที่คว้ารางวัล Highly Commended จากเวที Leafies International Tea Awards ที่สหราชอาณาจักร เมื่อปี 2024
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทอดน่องในไร่ชาที่โอบล้อมด้วยขุนเขา ลิ้มรสชาร้อนหอมกรุ่นในบ้านไม้โบราณ หรือจิบชาอู่หลงเย็นๆ พร้อมวิวพาโนรามาบนยอดดอย เสน่ห์ของชาทำให้ทุกการเดินทางในภาคเหนือกลายเป็นประสบการณ์ที่ละมุนละไมและลึกซึ้งกว่าที่เคย และประเทศไทยก็พร้อมเปิดชาแต่ละใบเพื่อให้คุณได้ค้นพบด้วยหัวใจ